นักลงทุนรายใหญ่สาธารณรัฐกานาสนใจลงทุนร่วมไทย ตั้ง “บริษัททำผลผลิตเกษตรเศรษฐกิจพอเพียงครบวงจร ถ่ายทอดให้ชาวกานาพึ่งพาตนเองได้ โอกาสนักธุรกิจไทย
***ดร.สิชา สิงห์สมบุญ กงสุลกิตติมศักดิ์สาธารณรัฐกานาประจำประเทศไทยพร้อมด้วย ดร.โจเซฟ เซียว อาชพง ประธานบริษัท โจสพง กรุ๊ป ออฟ คอมปานีส์ สาธารณรัฐกานา ร่วมกันแถลงข่าว ความร่วมมือการค้า การลงทุนระหว่างประเทศไทยและประเทศสาธารณรัฐกานา ประเทศในทวีปแอฟฟริกาตะวันตก ที่โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน โฮเทล กรุงเทพฯ
***ดร.สิชาฯ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศถือว่าประสบผลสำเร็จในการเจริญสัมพันธไมตรีกับกลุ่มประเทศแอฟริกาตะวันตก อย่างสาธารณรัฐกานาเป็นอย่างดี โดยตนเองได้รับหน้าที่มาเกือบ 20 ปี ในการสร้างความสัมพันธ์และนำวัฒนธรรมของไทยไปเผยแพร่ในสาธารณรัฐกานามามากมาย จนกระทั่งวันนี้มีผลชัดเจน สืบเนื่องจากการนำโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ไปดำเนินการเผยแพร่ที่สาธารณรัฐกานา ซึ่งได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ จากการระบาดของ โควิด-19 ทำให้ทั่วโลกเดือดร้อน ห่วงโซ่อาหารขาดไป ดังนั้นทางกานา จึงตระหนักในการหาอาหารให้ประชาชนเก็บเอาไว้ โดยที่ผ่านมารัฐบาลกานาเริ่มลดการนำเข้า ข้าว น้ำมันปาล์ม และอีกพืชเกษตรอีกหลายชนิด ซึ่งตอนนี้เริ่มลดการนำเข้าไปแล้ว ตนเองจึงได้รับการประสานงานมาจากสถานทูตกานา ประจำประเทศมาเลเซีย นำประธานบริษัท โจสพง กรุ๊ป ออฟ คอมปานีส์ มาศึกษาดูงาน เดินสายพบปะกระทรวงต่างๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และบริษัทเอกชน โดยนำแนวทางเกษตรพอเพียงไปใช้ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดีที่บริษัทชั้นนำในกานาจะเป็นหัวเรือสำคัญในการขับเคลื่อนโครงการนี้
***ด้าน ดร.โจเซฟ เซียว อาชพง ประธานบริษัท โจสพง กรุ๊ป ออฟ คอมปานีส์ สาธารณรัฐกานา กล่าวว่าการเดินทางมายังประเทศไทยครั้งนี้ ได้มาศึกษาดูงานการค้า การลงทุน การประกอบธุรกิจหลายด้านในประเทศไทย ซึ่งในฐานะเป็นบริษัทเอกชนในกานา ต้องการเห็นตัวอย่างการพัฒนาประเทศที่จะตอบสนองนโยบายของประธานาธิบดีกานา ดังนั้นจึงได้มองหาประเทศผู้นำในด้านต่างๆ และประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการเกษตร การปลูกข้าว การแปรรูปอาหาร จึงสนใจที่จะมาทำการค้าการลงทุนในด้านดังกล่าวในประเทศไทย และการเดินทางมาครั้งนี้ยังมีโอกาสได้ดูงานด้านการวิจัยข้าว ได้พูดคุยกับบริษัททำเครื่องมือทางการเกษตร โรงสี และธนาคารส่งเสริมการส่งออก เป็นต้น ทำให้เห็นโอกาสทางการค้า การลงทุน ในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้มีการจัดตั้งบริษัท เอเชียน แอฟริกัน คอร์เปอร์เรชั่น ขึ้นมา ด้วยเงินลงทุนเบื้องต้น 5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อขยายการค้า การลงทุน และที่สำคัญประเทศกานายังให้ความสนใจในนโยบายพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง และการนำไปใช้ในประเทศกานาให้เกิดประสิทธิผล เพื่อให้คนกานาที่มีภูมิประเทศคล้ายประเทศไทย ได้ศึกษาและเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้แก่ตนเอง จึงเชื่อว่าหากได้รับการสนับสนุนในการถ่ายทอดสิ่งต่างๆเหล่านี้ จะทำให้เกิดการลงทุนเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศในเร็วๆ นี้ ซึ่งทางบริษัท โจสพง กรุ๊ป ออฟ คอมปานีส์ ของตนเองก็ได้สั่งซื้อเครื่องมือทางการเกษตรโดยทันที และเตรียมจัดตั้งศูนย์วิจัยข้าว โรงสี ที่ประเทศกานาอีกด้วย โดยอาศัยองค์ความรู้ที่ได้จากประเทศไทย
***ประเทศสาธารณรัฐกานา มีการนำเข้าข้าว 1.5 ล้านตันต่อปี ทั้งจากประเทศไทย เวียดนาม และอินเดีย พร้อมยืนยันว่า การประเทศกานาสนใจเรื่องการเกษตร เพราะต้องการยืนด้วยลำแข้งของตนเอง ซึ่งเป็นนโยบายของประธานาธิบดีกานา ซึ่งการจะทำให้สำเร็จได้ด้วยดีนั้น ต้องมีประเทศที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ให้ความช่วยเหลือ และประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่กานาสนใจ และยืนยันว่าเมื่อกานามีผลผลิตเพิ่มขึ้น การขยายตัวด้านการลงทุนอื่นๆจากไทยก็จะตามมา เช่น การค้าเครื่องมือทางเกษตร ปุ๋ยชีวภาพ เป็นต้น และกานายังเชื่อในนโยบายเศรษฐกิจพอเพียงว่าทำได้จริง และเป็นโครงการที่ดี
***ดร.โจเซฟ เซียว อาชพง ยังกล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ ยังได้ศึกษาดูงานสถาบันวิจัยและพัฒนาอาหารมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การจัดการขยะ บริษัทด้านเครื่องมือการเกษตร ซึ่งจะนำไปต่อยอดธุรกิจในกลุ่มบริษัทของตนเองที่มีมากกว่า 60 บริษัท พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่า กานามีแผนงานบริหารพื้นที่เพาะปลูกประมาณกว่า 250,000 ไร่ ซึ่งในตอนนี้มีพื้นที่อยู่แล้วกว่า 30,000 ไร่ และรัฐบาลกานาก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อเกิดการลงทุนและจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นจะเกิดการสั่งซื้อสิ้นค้าทางการเกษตรจากไทยทั้งหมด พร้อมขยายการลงทุน ในช่วง 3 -5 ปี เนื่องจากกานา เป็นฮับในกลุ่มแอฟริกาตะวันตก ซึ่งนับจากนี้ประเทศกานาหวังจะได้รับการสนับสนุนและช่วยเหลือจากทางการไทยในทุกภาคส่วน
/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์
ขอบคุณข้อมูลข่าว/ภาพ จาก : https://sabaideethailand.online/2022/11/27/gana/