นายกรัฐมนตรีเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น ชอบ “แอพสปาใจ” ตรวจสอบความเครียดคน ยันสนับสนุนเยาวชนสร้างนวัตกรรมนายกรัฐมนตรีเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น
***เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ธ.ค.2565 ที่หอประชุมโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย อ.เมืองเชียงราย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น (Thailand-Japan Student ICT Fair 2022) ชื่นชมนวัตกรรมสิ่งประดิษฐ์ใหม่จากความร่วมมือของการแลกเปลี่ยนวิชาการระหว่างนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมพิธีเปิดและชมผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาตร์และการแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น การจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางด้านไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น รวมถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์จัดการเรียนการสอนของครู และการแข่งขันโปรแกรมมิ่ง แฮคกาธอน มีตัวแทนจากกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยจำนวน 12 แห่ง สถาบันการศึกษาที่เน้นการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวน 25 แห่ง กลุ่มโรงเรียนในโครงการ Super Sciece High Schools ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 17 แห่ง และสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่นจำนวน 11 แห่ง รวมผู้เข้าร่วมงานกว่า 600 คน มีกำหนดจัดงานระหว่าวันที่ 21 ถึง 23 ธันวาคม 2565
***พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในยุคปัจจุบันเราต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยเฉพาะเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่หลายประเทศได้รับผลกระทบ การนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ของนักเรียนในเวทีนี้มีเรื่องการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้วย นับเป็นการปรับตัวแก้ไขเท่าทันปัญหาโลก ซึ่งการเรียนในปัจจุบันต้องปรับการเรียนการสอนให้รู้จักคิดให้เป็น เปิดโลกการศึกษาของเราให้กว้างขึ้น ผลิตบุคลากรด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ให้มีความสามารถทันต่อความต้องการแรงงานในตลาด นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังชื่นชมผลงานพัฒนาแอพพลิเคชันของนักเรียนไทย ที่ชื่อว่า แอพสปาใจ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างนวัตกรรมที่จะเป็นเครื่องมือให้คนจัดการกับความเครียดที่ต้องเผชิญในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี
***รัฐบาลได้สนับสนุนการพัฒนากำลังคนที่มีศักยภาพสูงด้านวิศวกรรมศาสตร์ โดยมีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2561 อนุมัติโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัยไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่นจำนวน 24 ทุน และต่อมาคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 ได้อนุมัติทุนเพิ่มอีกจำนวน 76 ทุน ภายใต้การสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่น รวม 6 รุ่น ปัจจุบันมีนักเรียนทุนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยและกำลังศึกษาต่อที่สถาบันโคเซ็นประเทศญี่ปุ่น 73 คน และนักเรียนทุนในจำนวนนี้มากกว่าสิบคน ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ทั้งด้านผลการศึกษาที่ยอดเยี่ยม และผลงานจากรางวัลการแข่งขันในเวทีต่าง ๆ ระดับโลก นายกรัฐมนตรีกล่าว
.
***นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการศึกษา โดยเฉพาะการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ที่สอนให้รู้จักคิด ซึ่งเห็นได้ชัดจากความร่วมมือการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ร่วมกันระหว่างนักเรียนไทย-ญี่ปุ่น ครั้งนี้ที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์และใช้ได้จริงหลายโครงงาน
***หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการสิ่งประดิษฐ์ไอซีที ระบบบำบัดน้ำเสียอัจฉริยะที่ควบคุมผ่านแอพพลิเคชันจากโทรศัพท์มือถือ เป็นการบำบัดน้ำเสียจากในโรงเรียนให้มีคุณภาพน้ำที่ดีก่อนปล่อยสู่แหล่งน้ำในชุมชน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมชมการพัฒนาเกมส์ของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น ที่มีการแข่งขัน ภายใต้แนวคิดอนุรักษ์และดูแลสิ่งแวดล้อมเยี่ยมชมนิทรรศการโครงงานแบบโปสเตอร์ของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น และผลงานและนวัตกรรมด้านไอซีทีของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
***การจัดงานมหกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางด้านไอซีทีของนักเรียนไทยและนักเรียนญี่ปุ่น เกิดขึ้นจากการจัดกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการของกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย กับกลุ่มโรงเรียนโครงการ Super Sience High Schools และสถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้การสนับสนุนของคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น (Jica) ซึ่งได้ริเริ่มความร่วมมือทางวิชาการของทั้งสองประเทศ มีนักเรียนไทย และนักเรียนญี่ปุ่นได้แสดงศักยภาพในการสร้างและพัฒนานวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลากหลายโครงงานจำนวนมาก
ขอบคุณข้อมูลข่าว/ภาพข่าวคลิปข่าวจาก : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเชียงราย
///ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์