เชียงรายแถลงเตรียมจัด Chiang Rai Fashion to The World 2023 ประกวด Young Designerดันผ้าชาติพันธ์สู่ Soft Power ระดับโลก เดินแฟชั่นโชว์ยาวสุด 1 กม. 100 ร้านค้าขายเสื้อผ้าอาหารชาติพันธ์
***เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 มี.ค.2566 ที่หอปรัชญา รัชกาลที่ 9 มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย นายวิสูตร บัวชุม ผอ.ททท.สนง.เชียงราย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) จ.เชียงราย และผู้บริหารห้องเสื้อ YOURS Thailand นายกีโยม มูเดเคเรช่า ลูฮีรีรี Digital Drector at Vathanagul Group Co-Founder at Yarrow.co.,Ltd. ร่วมแถลงข่าวการจัดงาน Chiang Rai Fashion to The World 2023 และการจัดเดินแฟชั่นโชว์ Fashion to The Road โดยเดินแฟชั่นโชว์บนถนนจากหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย ความยาว 1 กม. และการประกวด Young Designer ชิงเงินรางวัลรวม 400,000 บาท โดยมีนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผวจ.เชียงราย เป็นประธานเปิดการแถลงข่าว มีนายพิสันต์ จันทร์ศิลป์ วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย นายชัยยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรีตำบลแม่สาย ผู้แทนบริษัท วัฒนกูล กรุ๊ป ร่วมงานแถลงข่าว ได้จัดแสดงการจัดทำลวดลายผ้าจากชาวไทยพื้นราบและกลุ่มชาติพันธุ์
***ซึ่งภายในงานยังมีการจัดแสดงแบบเสื้อผ้าและแฟชั่นโชว์จากลวดลายผ้าจากชาวไทยพื้นราบและกลุ่มชาติพันธุ์ตัวอย่างจำนวน 5 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มจัดแสดงตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบลวดลาย การถักเป็นผืน การทอ และนำมาประยุกติ์ใช้ในเครื่องแต่งกายยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ โดยเฉพาะกลุ่มม้งที่ออกแบบลวดลายด้วยอุปกรณ์ดั้งเดิมโดยผู้สูงวัยได้อย่างคล่องแคล่วและงดงาม ส่วนแบรนด์ YOURS มีการนำเสื้อผ้าที่ออกแบบด้วยลวดลายกลุ่มชาติพันธุ์ตามความของลูกค้าจึงทำให้แต่ละผืนมีเพียง 1 ชุดในโลกและไม่ซ้ำแบบใด และจัดเดินแบบเสื้อผ้าที่ออกแบบด้วยการใช้ลวดลายกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆใน จ.เชียงราย ที่ออกแบบโดยแบรนด์ YOURS และตัดเย็บโดยผู้ต้องขัง แดน 3 เรือนจำกลาง จ.เชียงราย
***นางสุภาเพ็ญ ศิริมาตย์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยได้สนองพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ตามแนวทางพระราชดำริในการรักษาต่อยอดผ้าไทยตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และช่วยพัฒนาขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีรายได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ดังเช่นในวันนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องรับลายผ้าพระราชทานจากพระองค์ท่าน เพื่อให้คนทำผ้าได้มีการอัพแนวแนวผ้าใหม่ๆทุกปี ให้เป็นที่ชื่นชอบเป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ไม่เฉพาะในประเทศไทย แต่ต้องเผยแพร่ออกไปสู่สากลด้วย ซึ่งเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่จังหวัดเชียงรายมีมรดกทางภูมิปัญญาเกี่ยวกับผ้าพื้นเมืองเชียงรายที่โดดเด่น แม้แต่ผู้ผลิตผ้าพื้นเมืองที่เป็นผู้สูงอายุก็ถือว่าเป็นศิลปินด้วยทางหนึ่งที่ได้คิดค้นทำผ้าออกมาได้มีลวดลายที่สวยงาม จากแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา “ใส่ผ้าไทย ใส่ให้สนุก” จะไม่สามารถใส่ผ้าไทยให้สนุกได้ ถ้าผู้ออกแบบยังออกแบบลวดลายแบบเก่าๆเดิมๆ หรือขาดคนรุ่นใหม่มาผลักดันแนวความคิดแนวแฟชั่นของโลก เป็นซอฟเพาเวอร์ที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีความสนใจต้องการซื้อเสื้อผ้าไทยไปสวมใส่ ซึ่งดูแบบที่เหมาะสมตามความนิยมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามา ขอบคุณทุกภาคส่วนของจังหวัดเชียงรายที่เข้ามาร่วมกันผลักดันให้เสื้อผ้าเชียงรายขับเคลื่อนไปสู่ตลาดโลก เป็นการผลักดันให้เศรษฐกิจของจังหวัดดีขึ้นไปเจริญก้าวหน้าต่อไปได้
***นายวิสูตร ผอ.ททท. สนง.เชียงราย กล่าวว่า ททท.สำนักงานเชียงรายมีแนวทางในการส่งเสริมการตลาดด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยและหนึ่งในนั้นคือการใช้การดึงดูดและสร้างการมีส่วนร่วมหรือซอฟเพาเวอร์เหมือนกรณีตัวอย่างในต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ใช้วง k-pop ฯลฯ สำหรับ ททท.มุ่งส่งเสริมวัฒนธรรมด้วย 5 F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) การออกแบบแฟชั่นไทย (Fashion) ศิลปะการป้องกันตัวแบบไทย (Fighting) และเทศกาล (Festival) ดังนั้นกรณีของ จ.เชียงราย ซึ่งเป็นเมืองที่มีกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากซึ่งประดิษฐ์ลวดลายผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ออกมามากมาย จึงสามารถนำมาส่งเสริมและพัฒนาเพื่อเป็นซอฟเพาเวอร์ได้เป็นอย่างดี ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้จัดกิจกรรม Chiang Rai Fashion to The World 2023 เพื่อให้ลายผ้าของเชียงรายก้าวไปสูระดับโลกโดยได้เชิญชวนนักออกแบบหรือดีไซเนอร์จากทั่วประเทศได้ร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าลวดลายที่มีในจังหวัดเชียงราย ชิงเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลสำหรับผู้ชนะ
***นายวิสูตร กล่าวอีกว่านอกจากนี้ทุกผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะนำไปจัดแสดงใน Fashion to The Road ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12-14 ส.ค.2566 ณ บริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา สะพานข้ามแม่สายแห่งที่ 1 อ.แม่สาย เป็นการเดินแบบบนถนนที่มีความยาว 1 กม. ที่น่าจะถือได้ว่ายาวที่สุดในภาคเหนือ โดยได้ศึกษากรณีการเดินแฟชั่นที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี จากนั้นนำมาออกแบบเพื่อให้มีการเดินแฟชั่นบนถนนหน้าด่านพรมแดนของไทย คาดว่ากิจกรรมทั้งหมดจะช่วยสร้างรายได้ให้กับผู้ออกแบบลวดลายท้องถิ่นและผู้ประกอบการ เพราะกิจกรรมเน้นให้มีการนำลวดลายท้องถิ่นนำมาออกแบบแล้วใช้ในแฟนชั่นยุคปัจจุบันได้จริงซึ่งกลุ่มเป้าหมายส่วนหนึ่งคือลูกค้าระดับบน นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้มาเยือนจังหวัดเชียงรายอีกด้วย โดยตั้งเป้าตลอดปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนเชียงรายถึง 4.5 ล้านคน
***ด้านนางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงรา กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายมีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆรวมกันกว่า 35 ชาติพันธุ์ โดยในแต่ละชาติพันธุ์ก็มีการแบ่งแยกย่อยออกไป ได้แก่ ลาหู่ก็มีทั้งลาหู่แดง ลาหู่ดำ เป็นต้น นอกจากนี้ในกลุ่มต่างๆ ก็มีการแบ่งย่อยอีก เช่น ไทยวน ไทเขิน ไทยอง ฯลฯ ซึ่งแต่ละกลุ่มต่างมีการสืบทอดการออกแบบลวดลายผ้าปักด้วยเทคนิค ลวดลายและสีสัน ที่มีแตกต่างกันไปอย่างหลากหลาย ดังนั้นในการประกวด Chiang Rai Fashion to The World 2023 จะมีการคัดสรรดีไซเนอร์ให้ได้จำนวน 200 รายเพื่อให้ออกแบบเครื่องแต่งกายด้วยการใช้ลวดลายผ้าของจังหวัดเชียงราย ซึ่งเบื้องต้นได้รวบรวมได้ราวๆ 50-100 ลวดลาย โดยจะจัดการอบรมเพื่อให้ผู้สมัครได้รับความรู้และข้อมูลก่อนก่อนให้ลงมือออกแบบโดยใช้เวลา 8 เดือน เพื่อคัดเลือกผลงานรอบแรกให้เหลือจำนวน 100 ราย และรอบต่อไปเหลือ 50 คน กระทั่งรอบสุดท้ายคัดเหลือ 8 นักออกแบบเพื่อรับรางวับชนะเลิศ อันดับที่ 2 และ 3 รวมทั้งรางวัลชมเชย 5 รางวัลตามลำดับ ทั้งนี้จะเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.-30 เม.ย.2566นี้ ผ่านทางเว็บไซต์ www.fashionchiangraitotheworld.com หรือเฟซบุ๊ก Chiang Rai Fashion to The World จัดอบรมวันที่ 1-7 พ.ค.เปิดให้ออกแบบตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.-7 พ.ค.ซึ่งผลงานทั้ง 200 ราย จะนำเดินแฟชั่นบนถนนเป็นครั้งแรกของภาคเหนือบริเวณหน้าด่านพรมแดน อ.แม่สาย ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร และมีร้านค้าเกี่ยวกับแฟนชั่นผ้าต่างๆและอาหารชาติพันธ์และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจำนวนกว่า 100 ร้านค้า ขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวและผู้สนใจงานเสื้อผ้าได้มาเที่ยวชมงานในครั้งนี้
///ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์