“ผู้ว่าททท.” นำทีมบอร์ดเยือนเชียงราย ให้กำลังใจผู้ประกอบการสู้ไปด้วยกัน

***เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 1 ส.ค.2563 ที่ร้านอาหารมาลองเต๊อะ ขัวศิลปะเชียงราย ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นำทีมงานบอร์ดททท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ นางปานทิพย์ ศรีพิมล รองปลัดกระทรวงการคลัง น.ส.สมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านบริหาร ททท. นายวิศรุต อินแหยม ผอ.ภูมิภาค ภาคเหนือ ททท. นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เดินทางมาเยือนจังหวัดเชียงรายเพื่อพบผู้ประกอบการรับฟังปัญหาและข้อเสนอของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงรายในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และนำข้อมูลไปพิจารณาเพื่อวางแผนให้ความช่วยเหลือและพัฒนาการท่องเที่ยวให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วภายใต้การรักษามาตรฐาน New Normal เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือน มีนายประจญ ปรัชญ์สกุล ผวจ.เชียงราย นายภาษกร บุญญลักษม์ รองผวจ.เชียงราย น.ส.กรุณา เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผอ.ททท.สำนักงานเชียงราย นายอภิชา ตระสินธุ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว (สทท.) จังหวัดเชียงราย และนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย นายประธาน อินทรียง เลขานุการ สทท.เชียงราย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) จังหวัดเชียงราย นายเอกภพ ช่างแก้ว อุปนายก สสทน.เชียงราย น.ส.ปทุมพร แก้วคำ นายกสมาคมมัคคุเทศก์จังหวัดเชียงราย นายชาญชัย พัฒนานุภาพ อุปนายกสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงราย ร่วมให้การต้อนรับ

***นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ก่อนหน้าสถานการณ์โควด-19 เมื่อปี พ.ศ.2562 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวกว่า 9.8 ล้านคน มีรายได้กว่า 3.3 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 ของรายได้ประชาชาติ (GDP) หลังเข้าสู่มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 เริ่มตั้งแต่ประเทศจีนปิดน่านฟ้าเมื่อวันที่ 31 เมษายน 2563 การสาธารณสุขมีการควบคุมการเดินทางเข้าออกประเทศ ห้ามเคลื่อนย้ายคนเข้า-ออกพื้นที่เด็ดขาด และห้ามการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ทำให้เกิดผลกระทบต่อสถานการณ์การท่องเที่ยวอย่างมาก รายได้จากการท่องเที่ยวลดฮวบ ซึ่งรายได้หลักการท่องเที่ยวของไทยมาจากต่างประเทศ 2 ใน 3 ช่วงที่มีการผ่อนปรนแล้วมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนไม่มาก ประมาณการปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเหลือเพียง 7 ล้านคนเท่านั้น ลดลงกว่าร้อยละ 80 ทั้งนี้ไม่อยากให้ผู้ประกอบการเสียกำลังใจ เรายังสามารถกลับมาได้อย่างเข้มแข็ง แต่ต้องรู้จักการปรับตัวที่เหมาะสมภายใต้มาตรฐาน New Normal โดยไม่หวังน้ำบ่อหน้า แต่ให้หวังน้ำบ่อใกล้ คือการท่องเที่ยวข้ามจังหวัดภายในประเทศ อย่าทำธุรกิจท่องเที่ยวแบบเหวี่ยงแห แต่ต้องกำหนดเจาะจงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้น และอย่าเพิ่งคิดว่าฝนจะตกทั่วฟ้า เพราะรัฐบาลมีลูกหลายคน จึงต้องเฉลี่ยความช่วยเหลือ เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน สามารถช่วยได้ในระยะแรก ช่วยให้ผู้ประกอบการได้เงิน 100 % เชื่อว่าปี 2564 นักท่องเที่ยวจะค่อยๆกลับมา และการท่องเที่ยวของไทยจะกลับมาได้อีกครั้ง

***สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายและสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย โดยนายอภิชา ตระสินธุ์ ประธานสภาฯและนายกสมาคมฯ และนายประธาน อินทรียง เลขานุการสภาฯและสมาคมฯ รายงานว่า ฐานเดิมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดเชียงราย ร้อยละ 80 เป็นนักท่องเที่ยวไทย ทางสภาฯได้เสนอโครงการเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดซึ่งได้การพิจารณาจัดสรรงบประมาณจากกองทุนฟื้นฟูการท่องเที่ยวแล้ว ซึ่งทางสมาคมฯเคยดำเนินการมาก่อนหน้าแล้ว โดยบูรณาการร่วมกับ ททท.สำนักงานใหญ่ ททท.สำนักงานเชียงราย และสนง.ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย มีการบูรณาการงบประมาณกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แก่ อบจ.เชียงราย และเทศบาลนครเชียงราย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน ได้แก่ พะเยา แพร่ น่าน  และเชียงใหม่ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีการประสานเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในประเทศกลุ่มอาเซียนแล้ว 13 ประเทศ นอกจากนี้ ทางสภาฯยังเสนอจัดซื้อเครื่องสแกนการตรวจวัดไข้ไว้ประจำจุดที่ชายแดน แหล่งท่องเที่ยว สถานีขนส่ง สนามบิน ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลลงในเซิร์ฟเวอร์และลิงค์ข้อมูลออนไลน์ได้ด้วย ทำให้สามารถตรวจสอบข้อมูลได้ถูกต้อง ผู้บริหารสามารถเรียกดูข้อมูลเพื่อการตรวจสอบได้ทันที

***ในขณะที่ สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) จังหวัดเชียงราย รายงานว่า สสทน.เชียงรายมีเครือข่ายสมาคมและชมรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวกว่า 10 องค์กร เช่น สมาคมโรงแรม สมาคมมัคคุเทศก์ สมาคมร้านอาหารชมรมท่องเที่ยวน้ำพุร้อน เป็นต้น ซึ่งมีการแบ่งภารกิจกันอย่างชัดเจน โครงการ “เที่ยวด้วยกัน” ของรัฐบาล มีผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดเชียงรายสมัครเข้าร่วมจำนวน 155 แห่ง จากทั้งหมด 600 แห่ง ค่าเฉลี่ยผู้เดินทางขาเข้าที่ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงรายประมาณวันละ 2,000 คน ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา เป็นไฟลท์ภายในประเทศ 5 ไฟลท์ ไฟลท์ต่างประเทศจากเมืองเฉิงตู ประเทศจีน 1 ไฟลท์ ซึ่งยอดจองเดิมก่อนหน้านี้อยู่ที่ร้อยละ 10-15 ขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 50 อัตราเฉลี่ยต่อวันเมื่อเทียบกับปี 2562 ลดลงร้อยละ 45 การดำเนินการเชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยวร่วมมาตรฐาน SHA (Safety & Healthy Administration) ซึ่งสสทน.เชียงรายเป็นหนึ่งในกรรมการตรวจสอบ มีสถานประกอบการสมัครร่วมจำนวน 95 แห่ง ผ่านมาตรฐาน SHA แล้วจำนวน 59 แห่ง สำหรับแหล่งเงินทุนเพื่อผู้ประกอบการ ธ.เอสเอ็มอี มีผู้ประกอบการขอสินเชื่อจำนวนกว่า 40 ราย จำนวนเงินกว่า 50 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติแล้ว 2 ราย ธ.ออมสินอนุมัติแล้ว 46 ราย ในวงเงินรวม 25 ล้านบาท และธ.กรุงไทยอีกจำนวนหนึ่ง

***ในวันที่ 18 ส.ค.2563 สสทน.ร่วมกับ TCEB (สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ-สสปน) จัดงาน Chiangrai Tourism Sustainable Society 2020 เพื่อจัดประชุมสัมมนาเครือข่ายท่องเที่ยวเชียงราย และการแสดงสินค้าท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่โรงแรมเดอะเฮอรริเทจเชียงราย และที่ปิดโครงการไปแล้วเมื่อวันที่ 31 ก.ค.2563 เป็นโครงการเทศกาลชาและกาแฟจังหวัดเชียงราย-Tea & Coffee Mouth 2020 ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี เกิดเครือข่ายร้านกาแฟในจังหวัดเชียงรายมากกว่า 100 ร้าน โดยทั้งหมดนี้ สสทน.เชียงราย เน้นสร้างการท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เข้มแข็ง โดยเน้นการพัฒนา Brand DNA เพื่อความยั่งยืน เน้นการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ รักธรรมชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักงานศิลปะ จนเกิดกลยุทธใหม่ที่เรียกว่า CRAFT คือ Creative, Relax, Artistry, Fantastic, Tradition นอกจากนี้ สสทน.เชียงรายยังได้งบจัดงานกิจกรรมฟื้นฟูการท่องเที่ยวอีกจำนวน 6-7 กิจกรรม และโครงการสหกรณ์การท่องเที่ยวสำหรับสมาชิกเครือข่ายที่เสนอโดยสมาชิกเองอีก 1 กิจกรรมด้วย    

  
/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์