23 พฤศจิกายน 2024

chiangraitodaynews

chiangraitodaynews

สรรหา “ปธ.สทท.จังหวัดเชียงราย” รอลุ้นผลตัดสินจากสภาใหญ่ “พร้อมพรรณ-เอกภพ” ศิษย์เก่า “สามัคคี-จุฬา” มีสิทธิ์ลุ้นพอกัน “ดำรงค์วุฒิ” ชี้ผิดข้อบังคับฟ้องศาลได้ สภาเสียหายต้องรับผิดชอบ

***เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 พ.ค.2564 ที่ห้องประชุมหอการค้าจังหวัดเชียงราย นายดำรงค์วุฒิ วิริยะ ประธานกรรมการสรรหา ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสาขา จังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นายประธาน อินทรียง เลขานุการ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเชียงราย แทนนายอภิชา ตระสินธุ์ นายกสมาคมฯ ในฐานะกรรมการคัดสรรฯ และนายกิตติ ทิศสกุล ที่ปรึกษาสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย รับมอบอำนาจจากนางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์ฯ ในฐานะกรรมการคัดสรรฯ ร่วมเปิดการคัดสรรประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสาขา จังหวัดเชียงราย โดยมีผู้ลงสมัครเข้าร่วมคัดสรร 2 คน ได้แก่ นางพร้อมพรรณ จินดาวงศ์ จากสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และนายเอกภพ ช่างแก้ว จากสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดเชียงราย ซึ่งอนุญาตให้สื่อทำข่าวได้ แต่ห้ามบันทึกเสียงและภาพเคลื่อนไหว

***ก่อนการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครทั้ง 2 คน แสดงวิสัยทัศน์ นายดำรงค์วุฒิได้ชี้แจงระเบียบข้อบังคับของการสรรหาประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสาขา และวิธีการดำเนินการตามขั้นตอนการสรรหาต่อที่ประชุม นายกิตติได้ตั้งกระทู้ถามถึงการตั้งคณะกรรมการเพียง 3 คน มาเพื่อคัดสรรประธานฯ ที่มีสมาชิกสามัญจำนวนหลายสมาคมฯแต่ไม่มีสิทธิ์ได้คัดเลือก น่าจะผิดข้อบังคับหรือไม่ ทางสมาชิกจังหวัดเชียงรายจึงได้ทำหนังสือขอให้สภาฯทบทวนระเบียบปฏิบัติดังกล่าว ซึ่งนายวิโรจน์ ชายา นายกสมาคมโรงแรมเชียงราย ก็ได้ตั้งกระทู้ถามว่า การแต่งตั้งประธานคณะกรรมการคัดสรรฯมีการแต่งตั้งถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่ และการทำหนังสือเชิญผู้นำสมาคมทุกองค์กรมาเป็นกรรมการสรรหา แต่ไม่มีสิทธิร่วมสรรหา ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่ ตามระเบียบข้อบังคับ ข้อ 3 (2) ให้สมาชิกในพื้นที่เป็นกรรมการสรรหาโดยตำแหน่ง ทำไมถึงไม่มีสิทธิร่วมสรรหา ซึ่งนายดำรงวุฒิได้กล่าวว่า ตนมาในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ก็ทำหน้าที่เฉพาะการสรรหา ขออธิบายเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการคัดสรร ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องดังกล่าวได้ชี้แจงให้นางนงเยาว์ทราบแล้ว ตนเองทำทุกอย่างตามขั้นตอนของข้อบังคับสภาฯ ซึ่งได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2554 แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ยึดปฏิบัติกัน ซึ่งก็จะไม่ยกเอาสิ่งที่ผ่านไปแล้วมาพูดอีก

***หลังจากนั้นนายดำรงวุฒิได้ดำเนินการให้ผู้สมัครคัดสรรฯทั้ง 2 คน ได้แสดงวิสัยทัศน์ โดยให้นายหัสดินทร์ธร สองสมุทร ประธานชมรมหนังสือพิมพ์และสื่อท้องถิ่นเชียงราย เป็นผู้จับฉลากลำดับการกล่าววิสัยทัศน์ ซึ่งนางพร้อมพรรณได้หมายเลข 1 เป็นผู้แสดงวิสัยทัศน์ก่อน ต่อด้วยนายเอกภพ ซึ่งผู้สมัครทั้ง 2 คน เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสามัคคีวิทยาคม และศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเหมือนกัน โดยนางพร้อมพรรณชูประเด็นการท่องเที่ยวสร้างสรรค์เชิงวัฒนธรรม สุขภาพ แพทย์แผนไทย ศูนย์การประชุมรูปแบบ New Normal ศูนย์กลางการท่องเที่ยวคุณภาพและการค้าชายแดน ทำตลาดหาฐานลูกค้าประจำ เปิดคลินิกส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการให้มีศักยภาพพัฒนาการท่องเที่ยว ดำเนินการพัฒนาการท่องเที่ยวตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี โดยมีอพท.ให้การช่วยเหลือสนับสนุน ในขณะที่นายเอกภพชูประเด็นการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกับภาครัฐ ททท. ทกจ. และชุมชน สร้างเครือข่ายท่องเที่ยวคลัสเตอร์ชาและกาแฟ การสร้างแบรนด์เชียงรายด้านการท่องเที่ยว สร้างแบรนด์ DNA ขับเคลื่อนเชียงรายให้เป็นเมืองท่องเที่ยวคุณภาพสูงที่ยั่งยืน เชื่อมโยงการท่องเที่ยวกับชุมชน มีเครือข่ายสมาคมที่ทำงานร่วมกันเชื่อมต่อผู้ประกอบการ มอบคุณค่าที่ดี บริการที่ดี แก่นักท่องเที่ยว ผลักดันการสื่อสารบนแพลตฟอร์มและออนไลน์ ขับเคลื่อนงบประมาณจากภาครัฐ ผลิตสินค้าการตลาดให้เป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก เช่น ถ้ำหลวง สร้างตลาดหัตถกรรมพื้นบ้าน Sunday Craft Market ทำการตลาดแบบ 1+1= 1 ทำตลาดเมืองใหญ่สู่เมืองเล็ก เมืองหลักสู่เมืองรอง ซึ่งข้อมูลการแสดงวิสัยทัศน์คณะกรรมการสรรหาฯจะรวบรวมส่งให้คณะกรรมการ สทท. ได้พิจจารณาแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสาขา จังหวัดเชียงราย ต่อไป

***นายดำรงวุฒิ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมสรรหาฯว่า เนื่องจากการคัดสรรวันนี้มีผู้สมัครคัดสรรมากกว่า 1 คน จึงไม่สามารถพิจารณาตัดสินได้ ต้องส่งเข้าสภากลางเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาแต่งตั้ง ซึ่งจะทราบผลภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม 2564 หลังจากนั้นประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สทท.) จะเชิญประชุมประธาน สทท.สาขา ทั่วประเทศที่ส่วนกลาง เพื่อชี้แจงแนวทางและรับข้อเสนอจากประธานสาขาทั่วประเทศ

***ด้านกรณีความไม่เข้าใจเรื่องข้อบังคับการคัดสรรประธานสาขา นายดำรงวุฒิ กล่าว่า เป็นเรื่องของสมาชิกแต่ละคนจะตีความอย่างไร ซึ่งในข้อบังคับมีการใช้คำว่า “หรือ” อยู่ ในวันนี้เป็นเรื่องของการทำอะไรในวันพรุ่งนี้ให้มีมาตรฐานถูกต้องให้มากกว่า ถ้ามองถึงเมื่อวานที่ทำมาแล้ว แล้วมาเรียกร้องให้ทำอะไรในเรื่องไม่ถูกต้อง ซึ่งมีอยู่ในข้อบังคับที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2553 และมาแก้ไขในปี 2554เป็นเวลา 10 ปีผ่านมา ไม่มีใครมาแตะต้องข้อบังคับนี้ และไม่ดำเนินการตามสมควร ส่วนใหญ่หลายจังหวัดได้ทำความเข้าใจแล้ว 30 จังหวัดที่ประธานหมดวาระ คณะกรรมการได้เดินทางไปสรรหาแล้วทุกจังหวัด ซึ่งถ้าสมาชิกเห็นว่าข้อบังคับนี้ไม่ถูกต้อง ผิดจรรยาบรรณ สามารถไปฟ้องศาลได้เลย แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้สภาเสื่อมเสียก็ต้องรับผิดชอบ

/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์     

Loading

More Stories