ชาวบ้านดอนศิลาร้องนายทุนรุกป่า-เบี่ยงทางน้ำเขาสวนตัวเอง ป่าไม้รุดตรวจยันไม่รุกตามมติ ครม.2545ออมชอมเปิดทางน้ำให้
***เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ส.ค.2564 ที่หอประชุมหมู่บ้านบ้านจงเจริญ หมู่ 12 ต.ดอนศิลา อ.เวียงชัย จ.เชียงราย นายเกษม มณีวรรณ ปลัดอาวุโส อำเภอเวียงชัย ร.ต.อ.พัชรวัฒน์ ทวีวุฒิรัชต์ จนท.กอ.รมน.เชียงราย นายเสกสรรค์ สุนทรนาค เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญการ พร้อมด้วยนายนภดล ใฝ่ใจ กำนันตำบลดอนศิลา นายเขื่อนเพชร วงค์เป็ง รองนายกเทศมนตรีตำบลดอนศิลา นายวันเย็น สุยะอ้าย ผญบ.บ้านจงเจริญ เปิดประชุมประชาคมหมู่บ้านกรณีนายทุนสวนส้มรุกที่ป่าไม้และเบี่ยงทางน้ำสาธารณะประโยชน์ชุมชนเข้าที่สวนของตัวเอง ทำให้ชาวบ้านหมู่ 4 บ้านจอเจริญ และหมู่ 12 บ้านจงเจริญ ต.ดอนศิลา เดือดร้อนขาดแคลนน้ำใช้ในการทำการเกษตร จึงร้องเรียนมาที่เทศบาลตำบลดอนศิลา โดยพื้นที่กรณีพิพาทดังกล่าวอยู่ติดพื้นที่หนองน้ำสาธารณะลำเหมืองร่องเกี๋ยงที่ชาวบ้านใช้ปลูกข้าวทำการเกษตรพื้นที่รวมกว่า 1,000 ไร่ มีการถมดินกั้นทางน้ำและขุดทำลายพนังดินกั้นน้ำปิดทางเดินของน้ำทำให้น้ำจากด้านบนแหล่งน้ำไม่สามารถไหลลงมาให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งในระหว่างการประชุมชี้แจงข้อมูลข้อขัดแย้ง มีตัวแทนชาวบ้านจากหมู่ 4 และหมู่ 12 มาร่วมประชุมด้วย ส่วนนายปาณสิน สุขสอาด เจ้าของที่ดินดังกล่าว ไม่ได้มาร่วมประชุมประชาคม
***หลังเสร็จสิ้นการประชุมเจ้าหน้าที่ป่าไม้และคณะทั้งหมดได้เดินทางไปยังที่ดินเจ้าปัญหาแปลงดังกล่าวที่มีพื้นที่ทั้งหมดกว่า 200 ไร่ เพื่อตรวจสอบพิกัดดาวเทียมว่ารุกที่ป่าจริงหรือไม่ ซึ่งนายปาณสินเจ้าของที่ดินได้รอเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบอยู่ที่ที่ดินดังกล่าวแล้ว ผลการตรวจพิกัดและการสอบประวัติการได้มาของที่ดินปรากฏว่า เป็นที่ดินจับจองเพื่อการทำกินที่ได้ซื้อมาก่อนหน้าประกาศครม. ลงวันที่ 26 พ.ย.2561 ประชาชนที่จับจองที่ดินในเขตป่าไม้เป็นที่ดินเพื่อการทำกินได้ ตามคำสั่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) สามารถเป็นกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกินได้ตามกฎหมาย จึงถือว่าไม่ได้รุกป่า ส่วนกรณีถมดินปิดทางน้ำและการปิดพนังกั้นน้ำนายปาณสินยินดีดำเนินการตามที่ชาวบ้านต้องการและขอให้เทศบาลตำบลดอนศิลาและชาวบ้านช่วยกันพัฒนาแหล่งน้ำจริงๆจังๆ เพราะที่ผ่านมาไม่ได้มีการพัฒนา ทำให้แหล่งน้ำขาดแคลน หลังจากนั้นนายปาณสินและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆร่วมกับผู้นำท้องถิ่นได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันเป็นหลักฐานเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่ายเรื่องจึงจบลงด้วยดี
***นายเขื่อนเพชร กล่าวว่า มีประชาชนร้องมาที่ศูนย์ดำรงธรรมของตำบลดอนศิลา เรื่องลำน้ำร่องเกี๋ยงที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ร่วมกันถูกเบี่ยงลำน้ำไป มีการทำลายพนังกั้นน้ำเดิม ทำให้น้ำไม่ไหลผ่านฝาย ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้ทำนา ศูนย์ดำรงธรรมตำบลจึงเรียกเจ้าของที่ดินที่เป็นนายทุนสวนส้มดังกล่าวมาเจรจาเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ให้เจ้าของสวนส้มปรับเปลี่ยนแก้ไขทางน้ำให้กลับมาเหมือนเดิม แบ่งเขตชัดเจนว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่สาธารณะให้ชาวบ้านเข้าไปใช้ประโยชน์ในแหล่งน้ำได้ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่สามารถตกลงกันได้ เมื่อเทศบาลตำบลดอนศิลาตรวจสอบพบว่าพื้นที่สวนส้มดังกล่าวอยู่ในเขตของป่าไม้ มีการตรวจสอบแผนที่ของสำนักงานป่าไม้ และสปก. ยืนยันอยู่ในเขตป่าไม้ พิกัด 19.795121 N 99.991891 E ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะมาตรวจพิกัดดาวเทียมเพื่อพิสูจน์ทราบอีกครั้งหนึ่ง
***นายดวงคำ สิทธิปัญญา อดีตผญบ.หมู่ 4 บ้านจอเจริญ กล่าวถึงที่มาของการครอบครองกรรมสิทธิ์ของนายทุนว่า เมื่อปีพ.ศ.2539 ตนเป็นคนหนึ่งที่ขายที่ในบริเวณดังกล่าวให้กับนายปาณสินไปทำสวนส้ม เป็นของตน 60 ไร่ ของพ่อตากว่า 100 ไร่ ในราคาไร่ละ 30,000 บาท จากนั้นนายปาณสินได้ซื้อที่เพิ่มจนมีที่ดินกว่า 200 ไร่ ทั้งสองฝ่ายก็ไปทำไร่ทำนาหากินกันมาโดยตลอด โดยไม่มีใครรู้ว่าเป็นพื้นที่ในเขตป่าไม้หรือไม่ ก่อนนั้นมีการใช้น้ำจากฝายร่องน้ำห้วยเกี๋ยงร่วมกัน ปัจจุบันทิศทางน้ำได้เบี่ยงไป ชาวบ้านไม่มีน้ำทำนาทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้น ที่ดินผืนดังกล่าวมีเอกสารสิทธิเพียง 60 ไร่เป็นของพ่อตาตน นอกจากนั้นเป็นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ เป็นที่จับจองที่ซื้อขายกันปากเปล่า
***ด้านนายวันเย็น สุยะเอ้ย ผญบ. หมู่12 บ้านจงเจริญ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ว่ามีการขุดทำลายพนังกั้นน้ำที่เคยส่งน้ำผ่านไปสู่ลำเหมืองสาธารณะและคลองไส้ไก่ในพื้นที่เกษตรของชาวบ้านมีปริมาณน้ำลดลงอย่างมากและน้ำในอ่างเก็บน้ำแม่ต้ากมีปริมาณไม่เพียงพอ ทำให้ไม่มีน้ำใช้ในการทำนา จึงได้จัดประชุมประชาคมหมู่บ้านเพื่อขอเปิดเจรจากับเจ้าของพื้นที่สวนส้มในการร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ก.ค.2564 ซึ่งทางเจ้าของสวนส้มได้มาร่วมประชุมด้วยและพาไปดูพื้นที่ แต่ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ จึงมีการร้องเรียนมาเพื่อให้นายทุนเบี่ยงทางน้ำกลับคืนมาให้ชาวบ้านได้มีน้ำใช้ทำนาได้เหมือนเดิม ส่วนเรื่องการรุกที่ป่าไม้หรือไม่ ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ชาวบ้านจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว
***นายปาณสิน สุขสอาด เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน กล่าวว่า ตนเข้ามาจับจองที่ดินทำกินตั้งแต่ปี 2537 โดยการซื้อจากชาวบ้านทีละแปลง จนปัจจุบันถือครองที่ดินอยู่กว่า 200 ไร่ เป็นที่มีเอกสารสิทธิ 50 ไร่ ทำประโยชน์บนพื้นที่ด้วยการปลูกส้มซึ่งสมัยนั้นเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีราคาดี ต่อมาปี 2539 เกิดกรณีพิพาทกับชาวบ้านกล่าวหาว่าตนปิดทางเดินน้ำจนทำให้ไม่มีน้ำไหลลงสู่แปลงนาของชาวบ้านจนเป็นที่เดือดร้อน มีการเจรจาพูดคุยกันมาหลายครั้งแต่ไม่สามารถหาข้อยุติได้ เนื่องจากตนเห็นว่า ชาวบ้านกับท้องถิ่นต้องเข้ามาร่วมพัฒนาแหล่งน้ำและทางสาธารณะร่วมกันด้วย มีการวางแผนในการใช้น้ำ กักเก็บน้ำร่วมกัน ซึ่งในพื้นที่ของตน ตนก็ไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้ชาวบ้านเข้ามาเปิดฝายน้ำ ชาวบ้านก็ยังเข้ามาเปิดฝายน้ำได้ มาจับปลาได้ วันนี้ตนรู้สึกสบายใจที่มีหน่วยงานราชการเข้ามารับฟังปัญหาและมีการทำข้อตกลงกับชาวบ้านและท้องถิ่น ในการที่ตนจะปรับสภาพคันดินระบายน้ำและถนนสาธารณะรอบแหล่งน้ำให้เหมือนสภาพเดิม โดยจะดำเนินการในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ให้แล้วเสร็จ
***ด้านนายเสกสรรค์ สุนทรนาค เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชำนาญการ แจ้งว่า หลังการตรวจพิกัดดาวเทียมและจากการสอบประวัติการได้มาของกรรมสิทธิที่นายปาณสินได้มาเมื่อปี 2537-2539 ปรากฏว่า ที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าจับจองซึ่งนายปาณสินได้มาทำกินก่อนประกาศครม.ปีพ.ศ.2545 ให้เป็นพื้นที่คทช. สามารถเข้าทำกินไดถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ถือว่าเป็นการรุกป่า ตามมติคทช. วันที่ 26 พ.ย.2561
/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์