“ทหารพิการกาย-ไม่พิการใจ” เขียนภาพสีน้ำขายเลี้ยงครอบครัว เคยส่งงาน “อ.เหลิม-ขัวศิลปะ” ลั่น “ขอทำงานแลกไม่รับเงินฟรีๆ”
***เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2565 ผู้ใช้นามเฟซบุ๊ค สำเริง จันลาวงศ์ ได้โพสข้อความในเพจกลุ่ม เชียงรายทูเดย์ แม็กกาซีนข่าวว่า “ขออนุญาตแอดมินด้วยค่ะสามีหนูเป็นคนพิการติดเตียงมา 27 ปี แต่ยังสู้ชีวิตด้วยการเขียนสีน้ำหารายได้รักษาตัวเองค่ะสนใจติดต่อได้ทางเฟชบุ๊คอินบล็อกหรือใต้ข้อความได้ค่ะ สีน้ำเริ่มต้นที่ 550 บาทรวมค่าส่งแล้วค่ะคือ ดอกบัว ขนาดเอ 4ค่ะ” เบอร์086-929-0612 ชื่อ “แตน” ผู้ดูแลสามีพิการคะ ขอขอบพระคุณแอดมินมากๆเลยค่ะ ที่เปิดโอกาสให้ผู้พิการได้เสนองานศิลปะในครั้งนี้นะคะ” แอดมินเพจกลุ่มเชียงรายทูเดย์แม็กกาซีนข่าวได้ช่วยประสานกระจายข่าวออกไปทั้งทางโซเชียลมีเดียต่างๆและกลุ่มไลน์ ได้รับความเห็นใจจากผู้ที่ทราบข่าวอย่างมาก แอดมินเพจกลุ่มจึงได้ติดต่อไปที่ผู้ใช้นามเฟซบุ๊ค สำเริง จันลาวงศ์ เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้เขียนภาพดังกล่าว ทราบต่อมาภายหลังว่าเป็นสามีของนางสำเริง จันลาวงศ์ ชื่อ ร.อ.นิรันดร์ จันลาวงศ์ อดีตทหารพลร่ม อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96/1 บ้านท่าทอง ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร
***ร.อ.นิรันดร์ อดีตทหารพลร่มผู้พิการ เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันที่ทำให้เขาต้องพิการตลอดชีวิตว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2537 ขณะที่ตนเองไปปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในการฝึกภาคสนาม เดินทางไปด้วยรถปิกอัพซึ่งตนและเพื่อนอีกคนหนึ่งนั่งอยู่กระบะหลัง ด้วยความที่คนขับไม่ชำนาญทางและเป็นทางลงเขาทำให้รถไหลลงอย่างรวดเร็วออกนอกเส้นทางพุ่งชนต้นไม้ทำให้รถพลิกคว่ำหมุนคว้าง หลังตนเองกระแทกเข้ากับตัวถังรถอย่างแรง นอนแน่นิ่งขยับตัวไม่ได้ แต่ไม่ได้สลบ จนมีรถทหารมารับตัวไปทำการรักษาตัวเบื้องต้นที่โรงพยาบาลปากช่อง รุ่งเช้าจึงถูกส่งตัวไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมหาราช จ.นครราชสีมา ผลการเอ็กซเรย์พบว่ากระดูกสันหลังแตกละเอียดแทงเส้นประสาทต้องดามเหล็กไว้ ส่งผลให้ขาทั้งสองข้างและหลังไม่สามารถขยับได้กลายเป็นคนพิการไปในที่สุดจนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 27 ปี
***ร.อ.นิรันดร์ เล่าต่อว่า หลังจากตนเองต้องเป็นคนพิการ ไม่มีงานทำ มีสถานะเป็นผู้ป่วยติดเตียง ภรรยาต้องลาออกจากงานมาดูแลตน ยึดอาชีพรับจ้างตัดเย็บอยู่กับบ้าน ซึ่งขณะนั้นมีลูกอายุ 3 ขวบอีก 1 คนที่ต้องดูแล มีเงินบำนาญยศสิบเอกในขณะนั้นเพียงเดือนละ 4,000 บาท 5 ปีต่อมาได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอก จึงได้ขึ้นบำนาญเป็นเดือนละ 10,000 บาท ตนนอนติดเตียงอยู่กว่า 2 ปี เริ่มหัดวาดรูปซึ่งตนมีพื้นฐานชอบวาดรูปอยู่แล้ว จนสามารถวาดการ์ตูนเป็นเล่มส่งให้โรงพิมพ์ต่างๆทั่วประเทศ มีรายได้พอเลี้ยงชีพส่งลูกเรียนหนังสือได้ ต่อมาเมื่อกว่า 6 ปีที่ผ่านมาธุรกิจสิ่งพิมพ์การทำหนังสือเริ่มถดถอยจนในที่สุดไม่มีคนทำหนังสือการ์ตูน ตนเองจึงไม่มีงาน ตนต้องปรับเปลี่ยนมาเขียนรูปเสนอขายทางโซเชียล เพจ Nirun Chalawong พอขายได้บ้าง แต่ไม่มากนัก จนเกิดสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 ทำให้ขายรูปไม่ค่อยได้ มีเพียงเบี้ยคนพิการ 800 บาท และเงินบำนาญ โดยไม่มีความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดเลย
***ร.อ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า ภาพที่ตนเขียนเป็นศิลปะสีน้ำที่ฝึกด้วยตนเอง ฝึกบ่อยๆทำบ่อยๆปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น เขียนบนกระดาษเรเนซองส์ 300 แกรม ราคาขึ้นอยู่กับขนาดของกระดาษและความยากง่าย ขนาด A1เป็นขนาดใหญ่สุดที่ตนวาด ราคา 8,100 บาท ขนาด A4 เล็กสุดที่ตนวาด ราคา 1,300 บาท ราคาถูกสุด 550 บาท เป็นรูปดอกบัว บนกระดาษ A4 นอกจากนี้ ถ้าใส่กรอบให้ก็มีราคาค่ากรอบ ภาพเขียนแต่ละชิ้นด้วย การทำงานของตนใช้เวลาในการเขียนรูปแต่ละครั้งประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพราะตนไม่สามารถนั่งนานๆได้เนื่องจากมีแผลกดทับ แต่ละภาพใช้เวลาวาดประมาณ 3 วัน ถ้าภาพใหญ่อาจใช้เวลาเป็นเดือน ผู้สั่งภาพบางภาพต้องใช้เวลารอคอยพอสมควร ตนเคยส่งภาพไปที่เพจของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เพจของ สมาคมขัวศิลปะ ซึ่งขายได้จำนวนหนึ่ง ช่วงหลังขายไม่ได้เลย มีบางคนโทรมาสั่งให้วาดภาพ โอนเงินมาให้เลย พอภาพเสร็จกลับไม่เอาภาพและไม่เอาเงินคืนก็มี บางคนเอาเงินมาให้เปล่าๆก็มี ตนบอกไม่รับ ขอเขียนภาพแลกเงินดีกว่า อยากบอกถึงผู้ประสบสถานะพิการแบบตนให้สู้ชีวิต สู้ต่อไป ตราบเท่าที่ยังมีกำลัง มีสมอง มีมือสองมือทำงานได้ ไม่ต้องเรียกร้องขอใคร เราทำงานแลกเงินดีกว่า
/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์