“อนุทิน” ควง “หมอเอก” พบประชาชนเชียงราย ย้ำนโยบายพักหนี้ 3 ปี จ่ายภาษีให้บ้านเกิดได้ “หมอเอก” เปิดใจเข้าภูมิใจไทยทำงานได้ทุกฝ่าย 
***เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 20 ส.ค.2565 ที่โรงยิมเนเซียม สนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย หลังพิธีเปิดการประชุมวิชาการกัญชาทางการแพทย์ เขตสุขภาพที่ 1 และให้กำลังใจแก่อสม. ที่ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมโรคระบาดในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ณ อาคารคชสาร องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย ภายในสนามกีฬากลางจังหวัดเชียงราย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วย น.พ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงราย เขต 1 และนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย เขต 6 ร่วมเปิดเวทีพบปะประชาชนชาวเชียงราย เพื่อแถลงนโยบายของพรรคภูมิใจไทยและเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.ในนามพรรค 2 คน ได้แก่ น.พ.เอกภพ เพียรวิเศษ และนายพีรเดช คำสมุทร มีประชาชนจากพื้นที่จังหวัดเชียงรายและจังหวัดแพร่ จำนวนกว่า 1,000 คน ร่วมงาน
***นายอนุทิน กล่าวว่า ขอบคุณพี่น้องจากจังหวัดเชียงรายและจังหวัดแพร่ที่มาให้การต้อนรับตน ซึ่งนอกจากจะมี น.พ.เอกภพ เพียรพิเศษ และนายพีรเดช คำสมุทร ส.ส.จากจังหวัดเชียงรายแล้ว ยังมีนายกฤติเดช สันติวชิระกุล ส.ส.จังหวัดแพร่ เขต 2 และนายวัชรพงศ์ คูวิจิตรสุวรรณ. ส.ส. จังหวัดสระบุรี เขตที่ 2 ร่วมคณะด้วย ซึ่งนายอนุทินได้ฝากให้ประชาชนเชียงรายได้พิจารณาเลือก น.พ.เอกภพและนายพีรเดชกลับมาเป็น ส.ส.เชียงราย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายของพรรคภูมิใจไทยให้บรรลุผลสำเร็จเพื่อประชาชนเชียงราย
***โดยนายอนุทินได้กล่าวถึงนโยบายของพรรคว่า ถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาลจะมีนโยบายพักชำระหนี้ที่เกิดขึ้นต่อกิจการและบุคคลโดยเป็นหนี้ที่ถูกต้องตามกฎหมายระยะเวลา 3 ปี วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยไม่มีดอกเบี้ยและไม่ต้องผ่อนชำระต้น เพื่อให้ประชาชนหรือกิจการที่เป็นเป็นหนี้อยู่ สามารถสร้างรายได้ได้ สามารถเก็บเงินมาชำระหนี้ต่อไปได้ในปีที่ 4-5 เป็นการแบ่งเบาภาระของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19
***ในช่วงวิกฤติโควิด 19 เจ้าหน้าที่สาธารณสุขท้องถิ่น หรือ อสม. ที่ต้องเสียสละทำงานอย่างหนัก มีค่าตอบแทน 1,000 บา/คน/เดือน ต่อมาเพิ่มให้อีก 500 บาท/คน/เดือน ซึ่งทางพรรคภูมิใจไทยถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.เป็น 2,000 บาท/คน/เดือน และจะดำเนินการตามนโยบาย 3 หมอ ให้ประชาชนมีประสิทธิภาพในการรักษาพยาบาลอย่างเท่าเทียมกันและดีที่สุด โดยหมอที่ 1 ได้แก่ เจ้าหน้าที่ อสม. (อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน) หมอที่ 2 ได้แก่ รพ.สต. (โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล) หมอที่ 3 ได้แก่ โรงพยาบาลประจำอำเภอ/จังหวัด ซึ่งทั้งหมดนี้ จะทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาได้เร็วขึ้น ดีขึ้น ด้วยการส่งผ่านข้อมูลคนไข้และการรักษาด้วยแอปพลิเคชั่นและระบบออนไลน์ ประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ และส่วนต่างงบประมาณที่ลดลงนี้จะนำไปคำนวณเป็นค่าตอบแทนให้แก่ อสม. นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้ลูกหลานของเจ้าหน้าที่อสม.สามารถเข้าอบรมเป็นผู้ช่วยพยาบาลได้ที่สถาบันพระบรมราชชนก เพื่อเพิ่มกำลังบุคคลากรภาคอาสาสมัครสาธารณสุขให้มีกำลังมากขึ้น ซึ่งจะสามารถผลิตบุคลากรดังกล่าวได้ปีละ 3,000 คน
***นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทย ยังมีนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่มีกาสิโน ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศเพื่อนบ้านเหล่านี้ยังไม่เจริญมากนัก ปัจจุบันมีการเติบโตและเจริญขึ้นมาก ถ้าประชาชนสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวกาสิโน พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะให้การผลักดันและให้อยู่ในการควบคุมที่ดีได้ นายอนุทินกล่าว
***ด้าน นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ ส.ส.เชียงรายเขต 1 กล่าวว่า จริงแล้วยังไม่ถือว่าเป็นการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เชียงรายในนามพรรคภูมิใจไทย เป็นเพียงการพบปะประชาชนเชียงราย ตามคำเชิญชวนของตนเองเนื่องในโอกาสที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยด้วย มาปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งตนเห็นว่าไหนๆหัวหน้าพรรคมาลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายแล้ว ก็ควรหาเวลาพบปะประชาชนเพื่อเสนอนโยบายของพรรคให้พี่น้องประชาชนและผู้สนับสนุนได้ทราบ ซึ่งนายอนุทินก็ยินดี
***นพ.เอกภพ กล่าวว่า ตนเองแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย แต่ก็ได้ตัดสินใจที่จะลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เชียงราย เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทยแน่นอน เพราะตนเห็นว่า พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคที่ไม่มีปัญหาทางการเมือง บุคคลในพรรคให้ความช่วยเหลือกันโดยไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง เช่นกรณีช่วงต้นของการแพร่ระบาดเชื้อโควิด 19 ที่ คนเชียงรายติดเชื้อโควิดมาจากประเทศเพื่อนบ้านจนเป็นข่าวดังไปทั่วประเทศจนมีกระแสไม่ให้คนมาเชียงราย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในฐานะรมต.สาธารณสุข ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งวัคซีนและชุดตรวจ ATK มาให้โดยไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง ซึ่งตรงกับแนวคิดของตนที่ ต้องการทำงานการเมืองได้กับคนทุกคน ทุกพรรค ไม่เลือกว่าเป็นฝ่ายไหน
***และจากเหตุการณ์หลังจากตนได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส.เชียงราย ในนามพรรคอนาคตใหม่ ต่อมาพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ตนเองและพรรคพวกส่วนหนึ่งก็ได้เข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล จนถึงเหตุการณ์ที่ตนถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกงูเห่า ทำให้ตนทำงานด้วยความกดดัน และไม่สามารถแก้ปัญหาให้สอดคล้องกับพื้นที่ได้ ซึ่งในช่วงนั้นหลายคนก็ได้รับการทาบทามจากพรรคการเมืองต่างๆ ตนเองก็เช่นกัน ตนคิดว่าแนวทางของพรรคภูมิใจไทยตรงใจตนเองมากที่สุด ที่ทำงานกับพรรคไหนก็ได้ ไม่มีเงื่อนไขทางการเมือง ไม่มีสี ไม่มีฝ่าย ทุกคนทุกฝ่ายต้องมัดรวมเป็นหนึ่งเดียว
***สำหรับนโยบายของพรรคที่น่าสนใจอันหนึ่งก็คือ การเสียภาษีให้แผ่นดินเกิด ประชาชนทุกคนต้องเสียภาษีให้แก่รัฐเพื่อไปพัฒนาประเทศ แต่การเสียภาษีตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทยจะกำหนดให้สามารถเลือกว่าจะจ่ายภาษีให้กับพื้นที่ใด เลือกเสียภาษีให้กับแผ่นดินถิ่นเกิดตัวเองได้ เพื่อให้เงินได้ไปพัฒนาแผ่นดินถิ่นเกิดของตนเอง ซึ่งจะทำให้คนกลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเองมากขึ้น เหมือนเป็นการกระจายอำนาจการบริหารได้ทางหนึ่ง นพ.เอกภพ กล่าว
/// ศูนย์ข่าวเชียงรายทูเดย์